ในวันที่โลกทั้งใบกำลังวิ่งเข้าสู่ Low-Carbon Economy (เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ) และทุกอุตสาหกรรมต้องเผชิญกับ ความท้าทายด้านต้นทุนพลังงานและการลดคาร์บอน พี่วาฬบอกเลยว่า การปรับตัวไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่คือเงื่อนไขของความอยู่รอด ทั้งในมิติธุรกิจและความน่าเชื่อถือในเวทีโลก
ดังนั้น ธุรกิจต้องหาทาง ใช้พลังงานอย่างฉลาดและยั่งยืน มากขึ้น ทำให้การมองหาเครื่องมือที่ช่วยให้อุตสาหกรรมเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน คือ โจทย์สำคัญ และหนึ่งในคำตอบคือ EMOS (Energy Management & Optimization System) ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่าง ปตท. และ METRON บริษัทเทคโนโลยีพลังงานชั้นนำจากฝรั่งเศส นั่นเอง
EMOS คืออะไร?
EMOS คือ แพลตฟอร์มบริหารจัดการพลังงานครบวงจร ที่บูรณาการ AI, Advanced Analytics และ Optimization Algorithm เข้ากับข้อมูลจริงจากหน้างานเพื่อวิเคราะห์เชิงลึกและปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเฉพาะของแต่ละโรงงานอย่างแม่นยำ รวมถึงมีการวาง Digitalization Roadmap ที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับบริบทเฉพาะของแต่ละโรงงาน ทำให้เรามองเห็นว่าพลังงานที่สูญเสียไปอยู่ตรงไหนบ้างและจะแก้ไขยังไงถึงจะได้ผลจริง
พูดง่าย ๆ คือ EMOS เปลี่ยน “ข้อมูลพลังงาน” ที่กระจัดกระจายอยู่เต็มโรงงาน ให้กลายเป็น “ข้อมูลเชิงลึก” ที่ผู้บริหารและทีมงานใช้ตัดสินใจได้ทันที
แล้ว EMOS ช่วยให้องค์กรเห็นผลลัพธ์ได้จริงอย่างไรบ้าง? ลองมาดูกันครับ
EMOS ทำอะไรได้บ้าง?
EMOS เป็นเหมือนกับ “สมองอัจฉริยะ” ของโรงงานที่ช่วยเรื่องพลังงานได้รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น
- วางแผนการใช้พลังงานได้อย่างเป็นระบบ
- ติดตามข้อมูลพลังงานแบบเรียลไทม์
- เจาะลึกหาจุดสูญเสียพลังงาน ที่หลายครั้งเราอาจมองไม่เห็นด้วยตา
- บริหารจัดการคาร์บอนได้อย่างมีระบบ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้จริง
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นส่วนช่วยยกระดับองค์กรสู่ Data-Driven Business ใช้ข้อมูลขับเคลื่อนแทนการคาดเดานั่นเองครับ
กรณีศึกษา บริษัท TVOP ลดค่าใช้จ่ายพลังงานได้ 3%
เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น พี่วาฬอยากเล่าเคสของ บริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด (TVOP) ครับ
TVOP เป็นโรงงานที่ได้มาตรฐาน ISO 50001 อยู่แล้ว และต้องการยกระดับการจัดการพลังงานให้ฉลาดขึ้น จึงเลือกใช้ EMOS ภายใต้สัญญาระยะยาว 3 ปี
โดยในระยะแรก ปตท. และ METRON ได้ดำเนินการจัดทำ Digitalization Roadmap เพื่อประเมินระดับความพร้อมด้านดิจิทัลของโรงงาน พร้อมแนะนำแนวทางการเชื่อมโยงข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการใช้งาน EMOS อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลการดำเนินงานในระยะแรกสะท้อนผลลัพธ์เชิงธุรกิจที่จับต้องได้
- ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ถึง 3%
- เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ภายใต้กรอบมาตรฐาน ISO 50001
- ยกระดับ ESG Profile สร้างความมั่นใจให้คู่ค้าและผู้บริโภค
แม้ 3% อาจดูเล็กในแง่ตัวเลข แต่เมื่อคูณกับสเกลการผลิตในอุตสาหกรรม ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจถือว่า มหาศาล และที่สำคัญคือความยั่งยืนที่แปลงเป็น แต้มต่อเชิงกลยุทธ์ ขององค์กร
EMOS กับการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตยั่งยืน
สิ่งที่พี่วาฬชอบที่สุดเกี่ยวกับ EMOS คือ เครื่องมือนี้ไม่ได้มาแทนที่คน แต่ ทำงานร่วมกับคน ผ่านการบูรณาการข้อมูลจริง + AI + ประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญจาก ปตท. ที่ช่วยให้โรงงานเข้าใจและใช้ระบบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ในภาพใหญ่ EMOS จึงไม่ใช่แค่ “เครื่องมือ” แต่คือ “ตัวเร่ง” ให้ภาคอุตสาหกรรมไทยเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero ได้เร็วขึ้น
พี่วาฬเชื่อว่าอนาคตของ EMOS ในไทยยังอีกยาวไกลครับ เพราะ ปตท. และ METRON พร้อมขยายระบบนี้ไปยังหลายอุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมอาหาร เหล็ก เคมีภัณฑ์ ยานยนต์ และอื่นๆ หรือแม้แต่กลุ่ม SMEs ไทย ที่ต้องการยกระดับการบริหารจัดการพลังงาน
ในวันที่โลกแข่งขันกันด้วยประสิทธิภาพและความยั่งยืน การมีระบบแบบ EMOS จึงกลายเป็น แต้มต่อที่ไม่ใช่แค่เรื่องลดต้นทุน แต่คือการยกระดับทั้งองค์กรให้ทันสมัย โปร่งใส และน่าเชื่อถือในสายตานักลงทุนและสังคม พาอุตสาหกรรมไทยเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ แข็งแรง และยั่งยืนครับ