พลังงาน

อนาคตอุตสาหกรรมปิโตรเคมีไทย วิกฤต โอกาส และแนวทางสู่ความยั่งยืน

Pinterest LinkedIn Tumblr

อนาคตอุตสาหกรรมปิโตรเคมีไทย  วิกฤต โอกาส และแนวทางสู่ความยั่งยืน, Whale Energy Station

สวัสดีครับทุกคน วันนี้พี่วาฬอยากชวนทุกคนมาเปิดมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับ “อุตสาหกรรมปิโตรเคมี” ที่ทุกคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่จริง ๆ แล้วอุตสาหกรรมนี้อยู่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิด เพราะข้าวของเครื่องใช้ที่อยู่รอบตัว ล้วนมีจุดเริ่มต้นจาก “ปิโตรเคมี” ทั้งสิ้น

อุตสาหกรรมปิโตรเคมี คืออะไร?

อุตสาหกรรมปิโตรเคมี คือ ภาคอุตสาหกรรมที่นำวัตถุดิบพื้นฐานอย่างน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน หรือ แม้แต่วัตถุดิบจากการเกษตร มาผ่านเทคโนโลยีและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ให้กลายเป็น “สารตั้งต้น” สำหรับการผลิตสินค้าและนวัตกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพลาสติก เส้นใย ยางสังเคราะห์ สี หมึก พื้นรองเท้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงวัสดุทางการแพทย์

ผลิตภัณฑ์เหล่านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเรา ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ เสื้อผ้า รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ ไปจนถึงของใช้ในบ้านและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกลายเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมปิโตรเคมีไม่ได้มีดีแค่เรื่องการผลิตพลาสติกหรือสินค้าทั่วไปที่เราใช้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ยังสร้างมูลค่าเพิ่มในระดับประเทศ ทั้งในแง่ของการลงทุน การจ้างงาน การส่งออก และการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

เพื่อน ๆ ลองจินตนาการดูนะครับ ถ้าประเทศไทยไม่มี “อุตสาหกรรมปิโตรเคมี” อยู่  ประเทศเราก็คงขาดฟันเฟืองสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปข้างหน้า ซึ่งพี่วาฬคิดว่าคงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากครับ

รู้หรือไม่? อุตสาหกรรมปิโตรเคมีสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับประเทศ

พี่วาฬขอบอกเลยว่า “อุตสาหกรรมปิโตรเคมี” เป็นหัวใจที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างจริงจัง ตัวเลขที่น่าสนใจคือ มูลค่าการลงทุนรวมในอุตสาหกรรมนี้สูงถึง 1.25 ล้านล้านบาท สร้างรายได้ปีละ 836,000 ล้านบาท หรือประมาณ 5.2% ของ GDP ประเทศไทย มีการจ้างงานมากกว่า 400,000 คน และสร้างมูลค่าการส่งออก 486,000 ล้านบาท (5.7% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด) แค่จังหวัดระยองจังหวัดเดียว ก็สร้างรายได้สะสมกว่า 900,000 ล้านบาท ตั้งแต่เริ่มมีโรงแยกก๊าซธรรมชาติเมื่อปี 2527

วิกฤตหรือโอกาส? จุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

แต่ตอนนี้ พี่วาฬต้องบอกตามตรงว่า อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกำลังเผชิญจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ราคาพลังงานที่ผันผวน ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และคู่แข่งรายใหม่ที่เข้าสู่ตลาด สินค้าบางอย่างก็ล้นตลาด ส่วนปัญหาขยะพลาสติกกับความกังวลเรื่องโลกร้อนก็เป็นประเด็นที่ทั้งโลกจับตามอง

แต่จะบอกว่า วิกฤตนี้ไม่ได้มีแต่เรื่องร้ายเสมอไป เพราะเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิด “โอกาส” ใหม่ๆ โดยเฉพาะการปรับตัวและนำนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาใช้ เช่น การเดินหน้าสู่ “เศรษฐกิจหมุนเวียน” หรือ Circular Economy อุตสาหกรรมปิโตรเคมีในยุคใหม่ จึงไม่ใช่แค่ผลิตของตามที่เคยทำมาอีกต่อไป แต่ต้องคำนึงถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตั้งแต่ต้นทางของกระบวนการผลิต มีการปรับใช้วัตถุดิบรีไซเคิล วัตถุดิบที่ง่ายต่อการรีไซเคิล ต้องใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการลดปริมาณของเสีย ประหยัดและอนุรักษ์พลังงาน เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน และออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีอายุใช้งานได้นานขึ้น และทำให้ผลิตภัณฑ์สามารถนำมาใช้ซ้ำได้ รวมถึงการคัดแยกและรีไซเคิลผลิตภัณฑ์ เพื่อนำทรัพยากรกลับเข้าสู่ระบบเพื่อหมุนวนกลับมาเป็นวัตถุดิบอีกครั้ง

ความยั่งยืนคือแต้มต่อระยะยาวของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

ถ้าถามว่าทำไมการปรับตัวหรือนวัตกรรมให้สอดคล้อง “ความยั่งยืน” ถึงเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี?  พี่วาฬบอกได้เลยครับว่านี่คือแต้มต่อที่มีผลระยะยาว เพราะองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ไม่ได้แค่ชนะใจนักลงทุนเท่านั้น แต่ยังดึงดูดคนรุ่นใหม่ ขยายฐานลูกค้า และเปิดโอกาสให้เข้าถึงแหล่งทุนใหม่ ๆ ได้มากขึ้นอีกด้วย

ที่สำคัญ การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ได้ช่วยแค่ลดต้นทุนของธุรกิจ แต่ยังเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง และยังช่วยให้อุตสาหกรรมนี้มีศักยภาพอยู่รอดและเติบโตในโลกที่หมุนเปลี่ยนตลอดเวลา

ปิโตรเคมียังไปต่อ…ถ้าเข้าใจและพร้อมปรับตัว

สุดท้ายนี้ พี่วาฬคิดว่า  แม้ “อุตสาหกรรมปิโตรเคมี” จะเผชิญความท้าทายทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม แต่ก็ยังคงเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ดังนั้นหากสามารถปรับตัวด้วยนวัตกรรมให้สอดคล้องกับความยั่งยืน โอกาสฟื้นตัวยังมีอยู่และพร้อมเป็นเสาหลักให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อในระยะยาวครับ